พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
หนุมานพิมพ์หน้า...
หนุมานพิมพ์หน้ายักษ์ (เปียกทอง) หลวงปู่เม้า วัดสี่เหลี่ยม
จอมทัพหน้ายักษ์ "องค์เปียกทอง" งดงามล้ำค่า ทรงคุณค่าทั้งงานศิลป์และเชิงช่าง
*** หนุมานหลวงปู่เม้า นับได้ว่าเป็นสุดยอดเครื่องรางแดนอีสานใต้ที่มีมนต์เสน่ห์ และความงามในแบบหล่อโบราณที่เข้มขลัง เป็นเอกลักษณ์ ***( ตอนนี้จัดอยู่ในทำเนียบเครื่องรางยอดนิยม และสุดยอดเครื่องรางแดนอิสานของเมืองบุรีรัมย์ )เพราะถ้าจะนับเอาปีที่สร้าง คนที่สร้าง อาจารย์ที่ปลุกเสก หรือประสบการณ์ที่มีแล้วล่ะก็...สุดยอดคร้าบบบ!!!

"เจ้าทองเข้ม"...พิมพ์หน้ายักษ์ เป็นอีกหนึ่งพิมพ์มาตรฐานที่หลายคนยังไม่รู้จัก เพราะขาดการนำเสนอ มีเอกลักษณ์และหายากกว่าพิมพ์นิยม(ตัวหนังสือจม และตัวหนังสือนูน)...จัดสร้าง ปี17 บ้างว่า18 และเทหล่อกันที่วัดสี่เหลี่ยม หล่อโบราณสำริดอุดกริ่ง(มีทั้งอุดกริ่ง และไม่อุดกริ่ง)...ตนนี้พิเศษสุด เนื้อทองสำริด "เปียกทอง" (กรรมการ) ผิวเป็นมุ้งทั้งองค์ รอยตะไบคมชัดเจน ทรงคุณค่า หายาก มากพุทธคุณ จี๊ดจ๊าดเข้มขลัง ขึ้นกล้องส่องมันส์ ฟรุ้งฟริ้งกริ่งดังกังวาล ***ทองสัมฤทธิ์ จะมีเนื้อทองคำผสมรวมอยู่ด้วย ถ้าเอากล้องส่องพระส่องดูเนื้อหาจะเห็นลายมุ้ง อยู่ที่เนื้อหาพระเพราะทองคำเป็นแร่ที่มีความหนักที่สุด เมื่อเวลาอุณภูมิเย็นลงนิดเดียวก็ทำให้เนื้อทองคำแยกตัวออกมาก่อน ทำให้ไปดึงเนื้อโลหะอื่น ทำให้ยับย่นคล้ายขึ้นลายมุ้ง เหมือนพระกรุเก่า แต่จริงๆเป็นหลักการทางวิทยาศาสตร์*** ทรงคุณค่ามากมายสำหรับพระที่เปียกทองเก่ามาแต่โบราณ "พิมพ์นี้มักจะพบเจอในเนื้อหาสำริดจัดจ้าน มีทั้งอาบปรอท มีทั้งพรายเงิน" สุดยอดเครื่องรางของภาคอีสาน และขึ้นทำเนียบหนุมานระดับประเทศ

"เปียกทอง"...ตามพจนานุกรมคือการเคลือบผิวโลหะด้วยเงินหรือทองคำ โดยการใช้ปรอทละลายเงินหรือทองให้เป็นของเหลว แล้วทาลงบนโลหะ จากนั้นจะไล่ปรอทออกโดยใช้ความร้อน ทองคำก็จะติดเคลือบอยู่บนผิวโลหะที่ต้องการ...การเปียกทอง ก็คือการกะไหล่ทองแบบโบราณ ต้องทาแล้วใช้ไฟเป่าไล่ปรอทออก แล้วทาใหม่ไฟเป่าใหม่ หลายๆครั้งหลายๆรอบจนกว่าจะเคลือบเต็มพื้นที่ เพราะไม่ใช่ติดง่ายๆทำทีเดียวเสร็จ การเปียกทองจึงค่อนข้างจะหนา และเนื้อทองจะติดแน่นกับสิ่งนั้น ทำได้ยาก การเปียกทองจึงเป็นศิลป์เชิงช่างชั้นสูง มีเสน่ห์มาแต่โบราณ พระที่เปียกทองจึงมีคุณค่ามากกว่า การกะไหล่ทองแบบสมัยใหม่ และยังติดแน่นและคงทนกว่าการ “ชุบ” ทองด้วยไฟฟ้าในปัจจุบัน (เปียกทอง ซึ่งต่างจากเนื้อกะไหล่ทอง มีท่านผู้รู้บอกว่า การเปียกทอง คือ การนำองค์พระไปชุบปรอท แล้วเอาองค์พระแช่ลงในน้ำทองคำเหลวที่ยังไม่หายร้อนจากการหลอม ทำให้เนื้อทองคำเกาะติดผิวพระแทนที่ปรอทที่ถูกหลอมละลายออกไป ด้วยเหตุนี้ พระเปียกทอง จึงมีผิวทองคำหนากว่าการกะไหล่ทอง)

...ตั้งแต่โบราณ ที่นักเล่นแร่แปรธาตุค้นพบว่า ธาตุทอง เป็นธาตุสิริมงคล เป็นอมตะ มีพลังอำนาจแห่งดวงอาทิตย์ บางชนชาติเชื่อว่า ทอง เป็นเลือดของพระอาทิตย์ที่หยดลงมาในโลก จากคุณสมบัติของ ทองคำ ที่เชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของเทพเจ้า โบราณาจารย์จึงนำ ทอง มาใช้เพื่อปกป้องคุ้มครอง และสร้างสิริมงคล อย่างเช่น ลัทธิพราหมณ์ จะนิยมใช้ ทองคำเปลว ติดหน้าผากเพื่อเป็นเครื่องคุ้มครอง...การใช้ ทอง ในลัทธิต่างๆนี้ ต่อมาเกจิอาจารย์ไทยได้ดัดแปลงมาใช้ เช่น การลง นะหน้าทอง บางสำนักใช้ ทอง ในวิชา ลงตะกรุด ซึ่งต้องใช้ ตะกรุดทองคำ เท่านั้น ถึงจะไม่เป็นพิษต่อร่างกาย.

...ในส่วนของวงการ พระเครื่อง ซึ่งพบว่ามีการ ปิดทอง เปียกทองกะไหล่ทอง กันมาแต่โบราณ ก็คงด้วยเหตุผลเดียวว่า ทองคำคือธาตุอมตะศักดิ์สิทธิ์ มีพลังอำนาจ จึงนิยมนำทองมาใช้ นอกจากเพื่อให้พระมีความสวยงาม ยังถือเหมือนเป็นการลง นะหน้าทอง ให้พระ เพื่อให้มีเสน่ห์ เมตตามหานิยมยิ่งขึ้น ซึ่งก็จริงตามนั้น เพราะพระที่ปิดทอง เปียกทอง ก็สวยไปอีกแบบ แต่ถ้ามี ทอง ติดมานิดๆหน่อยๆละก็ เป็นไงไม่รู้ ดูขลัง มีเสน่ห์ขึ้นมาอีกเยอะ อีกอย่างเป็นเพราะสมัยก่อน ทอง ก็แพงอยู่ดีตามค่าเงินยุคนั้น ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำไม่มีปัญญาทำ เปียกทอง จะมีก็แต่พ่อค้าคหบดี เจ้าขุนมูลนาย เจ้านายขุนนาง ซึ่งจะ ปิดทอง เปียกทองกันทั้งที ก็ต้องเลือกองค์ที่สวยเด้ง พระทุกองค์ที่ ปิดทองเก่า จึงมักจะสวยงาม ทรงคุณค่าแก่การเก็บรักษา หรือมอบกำนัลให้คนพิเศษ

"หลวงปู่เม้า"...ท่านปลุกเสกหนุมานแบบรู้จริง ดีจริงทรงฤทธิ์จริง คุ้มตัวได้จริง ตามตำราวิชาโบราณ และมีหนุมานตนแม่ตนครูที่ทำไว้บูชาอยู่บนเขาพนมรุ้ง...อารธนาติดตัวคิดทำสิ่งใดก็สำเร็จ มีคนรักคนเมตตาเป็นที่รักใคร่ของญาติมิตรวงศ์วาน และผู้ที่ได้พบปะพูดคุย การงานจะเจริญก้าวหน้ารุ่งเรือง มีโชคลาภ วาสนา แคล้วคลาดปลอดภัย นิรันตรายประสบการณ์มากมายบรรยายไม่หมด คนใช้เท่านั้นถึงจะรู้เอง ขอบอก(มะอะอุ หะนุมานะ นะสังสะตัง นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะพะกะสะ)

( เมื่อหลวงปู่เม้ามรณะภาพแล้ว ทางคณะกรรมการได้นำไหที่บรรจุวัตถุมงคลของหลวงปู่เม้า เปิดให้ประชาชนบูชาเพื่อนำปัจจัยมาสร้งพระอุโบสถวัดสี่เหลี่ยมให้แล้วเสร็จ โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเป็นองค์ประธานเปิดไห มีวัตถุมงคลที่อยู่ในไหหลายอย่าง อาทิรูปหล่อโบราณ พระปิดตา หนุมาน สมเด็จ เหรียญ กริ่งเชียงแสน ล็อกเก็ต เป็นต้น...ถ้าไม่นับวัตถุมงคลที่เป็นเนื้อทองคำแล้ว เนื้อเมฆพัตร และเนื้อสำริดเป็นเนื้อที่ออกให้เช่าบูชาแพงที่สุด อย่างกริ่งหนุมานเนื้อสำริด ราคาเช่าบูชาจะเท่ากับเหรียญเงิน เรยทีเดียว )

...หลวงปู่เม้า พลวิริโย วัดสี่เหลี่ยม อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ท่านเป็นเกจิอาจารย์ที่มีอายุยืนยาวถึง 102ปี บารมีแก่กล้า วาจาศักด์สิทธิ์(ในปากท่านเป็นลิ้นดำ)เป็นพระอริยสงฆ์ที่มีเมตตาธรรมขั้นสูงสุด ที่รู้อดีตปัจจุบันและอนาคต ท่านเป็นพระวัดบ้านป่าที่คนระดับหม่อมราชวงค์และนายกรัฐมนตรี ให้ความเคารพนับถือ พระดังๆทั่วประเทศมีมากมายแต่นายกรัฐมนตรีสัญญาธรรมศักดิ์ เลือกที่จะนิมนต์พระป่าอย่างหลวงปู่เม้าลงไปช่วยปัดเป่าทุกข์ภัยที่ทำเนียบให้แก่บ้านเมือง...มีพระอุปัชฌาย์คือ หลวงพ่อเพียร วัดถนนหัก และเคยออกธุดงค์กับหลวงพ่อปาน วัดบาเหี้ย...เป็นพระที่มีศีลบริสุทธิ์และเรืองวิทยามีทยานจิตสูง ท่านครองผ้าเหลืองตั้งแต่เป็นเณรด้วยจริยาวัตรที่หมดจดงดงาม ไม่บกพร่องด่างพร้อยแต่ประการใด อีกทั้งเป็นพระเถระที่มีความเชี่ยวชาญในวิทยาคม และเคร่งครัดในการวิปัสสนากรรมฐานที่สูงอีกรูปหนึ่ง ด้วยชื่อเสียงกิติศักดิ์เป็นที่เลื่องลือในหมู่ชนทุกๆถิ่นฐานท่าน จอมพล ป.พิบูลย์สงคราม ท่านได้เดินทางมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงปู่เม้าและเลื่อมใสเคารพศรัธานับถือ หลวงปู่เม้ามากท่านจอมพล ป.ได้สร้างพระถวายหลวงปู่เม้าด้วย เมื่อตอนท่านมีอายุครบ 100 ปี ท่านก็ยังเดินได้คล่องไม่แพ้คนหนุ่ม ซึ่งนับว่าท่านเป็นพระเถระที่มีอายุยืนและมีวาสนามาก

...ในปีพ.ศ. 2517 พ.อ.พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร(ประธานจัดสร้างลป.ทวดเนื้อโลหะปี05) ท่านยังทรงเป็นประธานจัดสร้างพระถวายหลวงปู่เป็นพิเศษ...นั่นก็คือกริ่งหนุมาน เหรียญรุ่นพิเศษ และผ้ายันต์ ***เนื่องด้วยหม่อมท่านโปรดปรานหนุมาน และต้องการจะทำหนุมาน โดยทราบถึงความเข้มขลังในเวทวิยาคม ในเรื่องวิชาการสร้างและเสกหนุมานของหลวงปู่เม้า*** นอกจากความรู้ต่างๆที่มี หลวงปู่เม้าท่านยังชำนาญเรื่องภาษาเขมรท่านได้นำเอาพระคาถามหาเศรษฐี เป็นลายแทงจากแผ่นศิลาจารึกอักษรขอม จากปราสาทเขาพนมรู้งมาศึกษา แล้วนำมาใช้กับวัตถุมงคลที่ท่านทำแจกลูกศิษย์ท่าน อีกทั่งท่านยังเป็นพระสหมิกธรรมกลับคูรบาอาจารย์ในจังหวัดบุรีรัมย์ รวมทั้งหลวงปู่สุขวัด โพธิ์ทรายทอง อีกทั้งหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ด้วย...พระวัดบ้านป่าอีกรูปที่ผมเคารพนับถือ ( ให้ทั่วประเทศรู้ว่าพระบ้านเรามีดี )

Cr.เสี่ยนนท์ มหาโชค
ผู้เข้าชม
1171 ครั้ง
ราคา
ขายแล้ว
สถานะ
ขายแล้ว
โดย
ชื่อร้าน
บารมีหลวงปู่เม้า
ร้านค้า
โทรศัพท์
ไอดีไลน์
tum_lawyer
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารกสิกรไทย / 008-8-46367-6
2. ธนาคารทหารไทย / 513-2-27866-3

ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
somemanว.ศิลป์สยามLungchadkumphaแมวดำ99sun99
พีพีพระสมเด็จเทพจิระภูมิ IRบี บุรีรัมย์tplasPopgomes
เอ็ม คงกะพันBeerchang พระเครื่องholypanyadvmfuchoo18ยอด วัดโพธิ์Achi
nattapong939termboonน้ำตาลแดงSpidermanเนินพระ99ชา วานิช
ชาวานิชPoosuphan89Nithipornโกหมูหริด์ เก้าแสนสมเกียรติ23

ผู้เข้าชมขณะนี้ 726 คน

เพิ่มข้อมูล

หนุมานพิมพ์หน้ายักษ์ (เปียกทอง) หลวงปู่เม้า วัดสี่เหลี่ยม




  ส่งข้อความ



ชื่อพระเครื่อง
หนุมานพิมพ์หน้ายักษ์ (เปียกทอง) หลวงปู่เม้า วัดสี่เหลี่ยม
รายละเอียด
จอมทัพหน้ายักษ์ "องค์เปียกทอง" งดงามล้ำค่า ทรงคุณค่าทั้งงานศิลป์และเชิงช่าง
*** หนุมานหลวงปู่เม้า นับได้ว่าเป็นสุดยอดเครื่องรางแดนอีสานใต้ที่มีมนต์เสน่ห์ และความงามในแบบหล่อโบราณที่เข้มขลัง เป็นเอกลักษณ์ ***( ตอนนี้จัดอยู่ในทำเนียบเครื่องรางยอดนิยม และสุดยอดเครื่องรางแดนอิสานของเมืองบุรีรัมย์ )เพราะถ้าจะนับเอาปีที่สร้าง คนที่สร้าง อาจารย์ที่ปลุกเสก หรือประสบการณ์ที่มีแล้วล่ะก็...สุดยอดคร้าบบบ!!!

"เจ้าทองเข้ม"...พิมพ์หน้ายักษ์ เป็นอีกหนึ่งพิมพ์มาตรฐานที่หลายคนยังไม่รู้จัก เพราะขาดการนำเสนอ มีเอกลักษณ์และหายากกว่าพิมพ์นิยม(ตัวหนังสือจม และตัวหนังสือนูน)...จัดสร้าง ปี17 บ้างว่า18 และเทหล่อกันที่วัดสี่เหลี่ยม หล่อโบราณสำริดอุดกริ่ง(มีทั้งอุดกริ่ง และไม่อุดกริ่ง)...ตนนี้พิเศษสุด เนื้อทองสำริด "เปียกทอง" (กรรมการ) ผิวเป็นมุ้งทั้งองค์ รอยตะไบคมชัดเจน ทรงคุณค่า หายาก มากพุทธคุณ จี๊ดจ๊าดเข้มขลัง ขึ้นกล้องส่องมันส์ ฟรุ้งฟริ้งกริ่งดังกังวาล ***ทองสัมฤทธิ์ จะมีเนื้อทองคำผสมรวมอยู่ด้วย ถ้าเอากล้องส่องพระส่องดูเนื้อหาจะเห็นลายมุ้ง อยู่ที่เนื้อหาพระเพราะทองคำเป็นแร่ที่มีความหนักที่สุด เมื่อเวลาอุณภูมิเย็นลงนิดเดียวก็ทำให้เนื้อทองคำแยกตัวออกมาก่อน ทำให้ไปดึงเนื้อโลหะอื่น ทำให้ยับย่นคล้ายขึ้นลายมุ้ง เหมือนพระกรุเก่า แต่จริงๆเป็นหลักการทางวิทยาศาสตร์*** ทรงคุณค่ามากมายสำหรับพระที่เปียกทองเก่ามาแต่โบราณ "พิมพ์นี้มักจะพบเจอในเนื้อหาสำริดจัดจ้าน มีทั้งอาบปรอท มีทั้งพรายเงิน" สุดยอดเครื่องรางของภาคอีสาน และขึ้นทำเนียบหนุมานระดับประเทศ

"เปียกทอง"...ตามพจนานุกรมคือการเคลือบผิวโลหะด้วยเงินหรือทองคำ โดยการใช้ปรอทละลายเงินหรือทองให้เป็นของเหลว แล้วทาลงบนโลหะ จากนั้นจะไล่ปรอทออกโดยใช้ความร้อน ทองคำก็จะติดเคลือบอยู่บนผิวโลหะที่ต้องการ...การเปียกทอง ก็คือการกะไหล่ทองแบบโบราณ ต้องทาแล้วใช้ไฟเป่าไล่ปรอทออก แล้วทาใหม่ไฟเป่าใหม่ หลายๆครั้งหลายๆรอบจนกว่าจะเคลือบเต็มพื้นที่ เพราะไม่ใช่ติดง่ายๆทำทีเดียวเสร็จ การเปียกทองจึงค่อนข้างจะหนา และเนื้อทองจะติดแน่นกับสิ่งนั้น ทำได้ยาก การเปียกทองจึงเป็นศิลป์เชิงช่างชั้นสูง มีเสน่ห์มาแต่โบราณ พระที่เปียกทองจึงมีคุณค่ามากกว่า การกะไหล่ทองแบบสมัยใหม่ และยังติดแน่นและคงทนกว่าการ “ชุบ” ทองด้วยไฟฟ้าในปัจจุบัน (เปียกทอง ซึ่งต่างจากเนื้อกะไหล่ทอง มีท่านผู้รู้บอกว่า การเปียกทอง คือ การนำองค์พระไปชุบปรอท แล้วเอาองค์พระแช่ลงในน้ำทองคำเหลวที่ยังไม่หายร้อนจากการหลอม ทำให้เนื้อทองคำเกาะติดผิวพระแทนที่ปรอทที่ถูกหลอมละลายออกไป ด้วยเหตุนี้ พระเปียกทอง จึงมีผิวทองคำหนากว่าการกะไหล่ทอง)

...ตั้งแต่โบราณ ที่นักเล่นแร่แปรธาตุค้นพบว่า ธาตุทอง เป็นธาตุสิริมงคล เป็นอมตะ มีพลังอำนาจแห่งดวงอาทิตย์ บางชนชาติเชื่อว่า ทอง เป็นเลือดของพระอาทิตย์ที่หยดลงมาในโลก จากคุณสมบัติของ ทองคำ ที่เชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของเทพเจ้า โบราณาจารย์จึงนำ ทอง มาใช้เพื่อปกป้องคุ้มครอง และสร้างสิริมงคล อย่างเช่น ลัทธิพราหมณ์ จะนิยมใช้ ทองคำเปลว ติดหน้าผากเพื่อเป็นเครื่องคุ้มครอง...การใช้ ทอง ในลัทธิต่างๆนี้ ต่อมาเกจิอาจารย์ไทยได้ดัดแปลงมาใช้ เช่น การลง นะหน้าทอง บางสำนักใช้ ทอง ในวิชา ลงตะกรุด ซึ่งต้องใช้ ตะกรุดทองคำ เท่านั้น ถึงจะไม่เป็นพิษต่อร่างกาย.

...ในส่วนของวงการ พระเครื่อง ซึ่งพบว่ามีการ ปิดทอง เปียกทองกะไหล่ทอง กันมาแต่โบราณ ก็คงด้วยเหตุผลเดียวว่า ทองคำคือธาตุอมตะศักดิ์สิทธิ์ มีพลังอำนาจ จึงนิยมนำทองมาใช้ นอกจากเพื่อให้พระมีความสวยงาม ยังถือเหมือนเป็นการลง นะหน้าทอง ให้พระ เพื่อให้มีเสน่ห์ เมตตามหานิยมยิ่งขึ้น ซึ่งก็จริงตามนั้น เพราะพระที่ปิดทอง เปียกทอง ก็สวยไปอีกแบบ แต่ถ้ามี ทอง ติดมานิดๆหน่อยๆละก็ เป็นไงไม่รู้ ดูขลัง มีเสน่ห์ขึ้นมาอีกเยอะ อีกอย่างเป็นเพราะสมัยก่อน ทอง ก็แพงอยู่ดีตามค่าเงินยุคนั้น ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำไม่มีปัญญาทำ เปียกทอง จะมีก็แต่พ่อค้าคหบดี เจ้าขุนมูลนาย เจ้านายขุนนาง ซึ่งจะ ปิดทอง เปียกทองกันทั้งที ก็ต้องเลือกองค์ที่สวยเด้ง พระทุกองค์ที่ ปิดทองเก่า จึงมักจะสวยงาม ทรงคุณค่าแก่การเก็บรักษา หรือมอบกำนัลให้คนพิเศษ

"หลวงปู่เม้า"...ท่านปลุกเสกหนุมานแบบรู้จริง ดีจริงทรงฤทธิ์จริง คุ้มตัวได้จริง ตามตำราวิชาโบราณ และมีหนุมานตนแม่ตนครูที่ทำไว้บูชาอยู่บนเขาพนมรุ้ง...อารธนาติดตัวคิดทำสิ่งใดก็สำเร็จ มีคนรักคนเมตตาเป็นที่รักใคร่ของญาติมิตรวงศ์วาน และผู้ที่ได้พบปะพูดคุย การงานจะเจริญก้าวหน้ารุ่งเรือง มีโชคลาภ วาสนา แคล้วคลาดปลอดภัย นิรันตรายประสบการณ์มากมายบรรยายไม่หมด คนใช้เท่านั้นถึงจะรู้เอง ขอบอก(มะอะอุ หะนุมานะ นะสังสะตัง นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะพะกะสะ)

( เมื่อหลวงปู่เม้ามรณะภาพแล้ว ทางคณะกรรมการได้นำไหที่บรรจุวัตถุมงคลของหลวงปู่เม้า เปิดให้ประชาชนบูชาเพื่อนำปัจจัยมาสร้งพระอุโบสถวัดสี่เหลี่ยมให้แล้วเสร็จ โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเป็นองค์ประธานเปิดไห มีวัตถุมงคลที่อยู่ในไหหลายอย่าง อาทิรูปหล่อโบราณ พระปิดตา หนุมาน สมเด็จ เหรียญ กริ่งเชียงแสน ล็อกเก็ต เป็นต้น...ถ้าไม่นับวัตถุมงคลที่เป็นเนื้อทองคำแล้ว เนื้อเมฆพัตร และเนื้อสำริดเป็นเนื้อที่ออกให้เช่าบูชาแพงที่สุด อย่างกริ่งหนุมานเนื้อสำริด ราคาเช่าบูชาจะเท่ากับเหรียญเงิน เรยทีเดียว )

...หลวงปู่เม้า พลวิริโย วัดสี่เหลี่ยม อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ท่านเป็นเกจิอาจารย์ที่มีอายุยืนยาวถึง 102ปี บารมีแก่กล้า วาจาศักด์สิทธิ์(ในปากท่านเป็นลิ้นดำ)เป็นพระอริยสงฆ์ที่มีเมตตาธรรมขั้นสูงสุด ที่รู้อดีตปัจจุบันและอนาคต ท่านเป็นพระวัดบ้านป่าที่คนระดับหม่อมราชวงค์และนายกรัฐมนตรี ให้ความเคารพนับถือ พระดังๆทั่วประเทศมีมากมายแต่นายกรัฐมนตรีสัญญาธรรมศักดิ์ เลือกที่จะนิมนต์พระป่าอย่างหลวงปู่เม้าลงไปช่วยปัดเป่าทุกข์ภัยที่ทำเนียบให้แก่บ้านเมือง...มีพระอุปัชฌาย์คือ หลวงพ่อเพียร วัดถนนหัก และเคยออกธุดงค์กับหลวงพ่อปาน วัดบาเหี้ย...เป็นพระที่มีศีลบริสุทธิ์และเรืองวิทยามีทยานจิตสูง ท่านครองผ้าเหลืองตั้งแต่เป็นเณรด้วยจริยาวัตรที่หมดจดงดงาม ไม่บกพร่องด่างพร้อยแต่ประการใด อีกทั้งเป็นพระเถระที่มีความเชี่ยวชาญในวิทยาคม และเคร่งครัดในการวิปัสสนากรรมฐานที่สูงอีกรูปหนึ่ง ด้วยชื่อเสียงกิติศักดิ์เป็นที่เลื่องลือในหมู่ชนทุกๆถิ่นฐานท่าน จอมพล ป.พิบูลย์สงคราม ท่านได้เดินทางมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงปู่เม้าและเลื่อมใสเคารพศรัธานับถือ หลวงปู่เม้ามากท่านจอมพล ป.ได้สร้างพระถวายหลวงปู่เม้าด้วย เมื่อตอนท่านมีอายุครบ 100 ปี ท่านก็ยังเดินได้คล่องไม่แพ้คนหนุ่ม ซึ่งนับว่าท่านเป็นพระเถระที่มีอายุยืนและมีวาสนามาก

...ในปีพ.ศ. 2517 พ.อ.พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร(ประธานจัดสร้างลป.ทวดเนื้อโลหะปี05) ท่านยังทรงเป็นประธานจัดสร้างพระถวายหลวงปู่เป็นพิเศษ...นั่นก็คือกริ่งหนุมาน เหรียญรุ่นพิเศษ และผ้ายันต์ ***เนื่องด้วยหม่อมท่านโปรดปรานหนุมาน และต้องการจะทำหนุมาน โดยทราบถึงความเข้มขลังในเวทวิยาคม ในเรื่องวิชาการสร้างและเสกหนุมานของหลวงปู่เม้า*** นอกจากความรู้ต่างๆที่มี หลวงปู่เม้าท่านยังชำนาญเรื่องภาษาเขมรท่านได้นำเอาพระคาถามหาเศรษฐี เป็นลายแทงจากแผ่นศิลาจารึกอักษรขอม จากปราสาทเขาพนมรู้งมาศึกษา แล้วนำมาใช้กับวัตถุมงคลที่ท่านทำแจกลูกศิษย์ท่าน อีกทั่งท่านยังเป็นพระสหมิกธรรมกลับคูรบาอาจารย์ในจังหวัดบุรีรัมย์ รวมทั้งหลวงปู่สุขวัด โพธิ์ทรายทอง อีกทั้งหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ด้วย...พระวัดบ้านป่าอีกรูปที่ผมเคารพนับถือ ( ให้ทั่วประเทศรู้ว่าพระบ้านเรามีดี )

Cr.เสี่ยนนท์ มหาโชค
ราคาปัจจุบัน
ขายแล้ว
จำนวนผู้เข้าชม
1172 ครั้ง
สถานะ
ขายแล้ว
โดย
ชื่อร้าน
บารมีหลวงปู่เม้า
URL
เบอร์โทรศัพท์
0874413720
ID LINE
tum_lawyer
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
3. ธนาคารกสิกรไทย / 008-8-46367-6
4. ธนาคารทหารไทย / 513-2-27866-3




กำลังโหลดข้อมูล

หน้าแรกลงพระฟรี